เคยมีคนกล่าวเอาไว้วันหนึ่งหนังสือการ์ตูนหรือมังงะจะค่อยๆ หายไปโลก หรือจะเหลือเพียงแค่คนกลุ่มเล็กๆ
เพราะการมาของอินเทอร์เน็ตที่ให้เราสามารถอ่านมังงะที่ไหนก็ได้โดยที่ไม่ต้องไปซื้อหนังสือเล่มมาอ่าน
แต่จนถึงตอนนี้หนังสือการ์ตูนก็ยังคงขายได้ขายดีและขายอยู่ แม้ในบ้านเราจะเห็นร้านหนังสือจางหายไป
บ้าง แต่ยอดขายตัวหนังสือกับการสั่งซื้อหนังสือที่ขาดตลาดก็ยังมีอยู่เรื่อย ๆ ที่บ่งบอกถึงความต้องการ
ของคนที่ยังชื่นชอบการอ่านหรือสะสมแบบเป็นรูปเล่มอยู่ จนมีการจัดอันดับหนังสือการ์ตูนที่เรื่องราวจบ
ไปแล้วแต่ถูกเอามาตีพิมพ์ใหม่ หรือการ์ตูนที่ยังไม่จบที่ยังมีเล่มใหม่ ๆ ตีพิมพ์อยู่แต่ก็เอาเล่มแรก ๆ มา
ขายซ้ำใหม่เรื่อย ๆ และยังขายดิบขายดีมานำเสนอ โดยเราเอายอดขายล่าสุดในปี 2023 มานำเสนอ เพื่อ
ให้คุณรู้ว่าหนังสือการ์ตูนยังไม่ตายและขายได้ทั่วโลกตอนนี้ จะเรื่องอะไรบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย
เริ่มต้นหนังสือการ์ตูนเรื่องแรกที่มีอายุในวงการมังงะมากว่า 40 ปีอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ถูกตัดจบ เพราะ
ความนิยมที่คงที่เป็นดาวค้างฟ้า นั่นคือมังงะ ‘Kochira Katsushika-ku Kameari Kōen Mae Hashutsujo’
หรือชื่อไทยอ่านง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า ““คุณตำรวจป้อมยาม” ที่กำเนิดจากปลายปากกาของ อาจารย์ อาคิโมโตะ
โอซามุ (Akimoto Osamu) ที่ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร ‘Weekly Shonen Jump’ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน
1976 และจบลงอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 17 กันยายน 2016 รวมระยะเวลา 40 ปีพอดี กับเรื่องราวป่วน ๆ ใน
ชีวิตประจำวันของนายตำรวจคิ้วชนกัน ประจำป้อมยามในสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโตเกียว อย่าง
เรียวซึ คังคิจิ (Ryotsu Kankichi) ที่เรื่องราวจะเป็นแนวตลกเฮฮาป่วน ๆ ที่มาจากความขี้เกียจขี้เล่นขี้จุ๊
เบเบ้ขี้หกตาลาล่า (ใครอ่านท่อนนี้เป็นเพลงแปลว่าคุณไม่เด็กแล้ว) ที่นำพาความป่วน ที่อ่านแล้วจะได้แต่
ความสนุกที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ ที่จนถึงตอนนี้มังงะนายตำรวจป้อมยามก็ยังถูกเอามาพิมพ์ขายเรื่อย ๆ ทั่วโลก
ในปี 2023 จนตอนนี้ก็ปาเข้าไป 156.5 ล้านเล่มไปแล้ว และได้บันทึกสถิติ ‘Guinness World Records’
ว่าเป็นมังงะเดี่ยวที่ได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดอีกด้วย (ตอนนี้ถูกนักเขียนอีกท่านแซงไปแล้ว)
คราวนี้มาดูผลงานระดับตำนานที่ขึ้นหิ้งในวงการมังงะกันบ้าง กับผลงานของ อาจารย์ เทซูกะ โอซามุ (Tezuka
Osamu) นักเขียนการ์ตูนระดับตำนานที่ถ้าให้เราพูดถึงผลงานมังงะของท่านคงต้องใช้หนึ่งหน้ากระดาษเต็ม ๆ
ในการเขียน เพราะอาจารย์แกเขียนมังงะไว้เยอะมากและซีรีส์ ‘Black Jack’ หรือในชื่อไทยว่า “Black Jack
หมอปีศาจ” ก็เป็นหนึ่งในผลงานขึ้นหิ้งของอาจารย์ ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ 19 พฤศจิกายน 1973 ถึง 14 ตุลาคม
1983 ซึ่งที่มาของมังงะเรื่องนี้มาจากวิชาการแพทย์ของอาจารย์เอง ที่ท่านเคยเรียนหมอมาก่อน ในตอนนั้น
อาจารย์ท่านถามคุณแม่ว่า ระหว่างเป็นนักเขียนการ์ตูนกับเป็นหมอที่เรียนมาท่านจะเลือกทำอาชีพอะไรดี คุณ
แม่ท่านบอกอาจารย์ว่า “ถ้าลูกเป็นหมอลูกอาจจะทำให้คนมีความสุขได้ไม่กี่คน แต่ถ้าลูกเป็นนักเขียนการ์ตูน
ลูกจะสร้างความสุขให้คนทั่วโลกได้” นั่นคือที่มาของการนำวิชาที่เรียนมาใช้ในการ์ตูนเรื่องนี้ ที่บอกเล่าเรื่อง
ราวของหมอเถื่อนหน้าบาก (มันมีที่มาที่ไป) ที่รับรักษาผ่าตัดที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ แต่แกคิดค่ารักษา
แพงมาก ๆ ที่จะเป็นคนชั่วโจรขอแค่มีเงินรักษาให้หมด (แต่คิดเงินแพง) ส่วนคนจนรักษาฟรี ที่เขาต้องต่อสู้
กับสมาคมแพทย์และคู่แข่งที่นำความตายมาให้คนไข้ที่พร้อมตายอย่างสงบ กับเรื่องราวที่เกี่ยวกับโรคต่าง ๆ
ซึ่งหลายคนอยากเป็นหมอเพราะอ่านเรื่องนี้ จึงไม่น่าแปลกที่มังงะจะเอามาขายซ้ำที่ในปีนี้ก็ขายไป 176 ล้าน
เล่มทั่วโลกไปแล้วยอดรวมมาตลอดจะขนาดไหนคิดดู
มาถึงอันดับที่ 6 มังงะที่มียอดขายสูงที่สุดในปี 2023 นี้ที่จะเป็นมังงะเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจากซีรีส์สืบสวน
ของเด็กชายที่ตัวจะเป็นเด็กแต่สมองก็เป็นผู้ใหญ่อย่างยอดนักสืบจิ๋วโคนัน หรือ ‘Detective Conan’ ที่เราคง
ไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากเพราะหลายคนน่าจะรู้จักซีรีส์นี้ดีอยู่แล้ว โดยที่มาที่ไปของซีรีส์นี้เกิดขึ้นมาจาก
ปลายดินสอของอาจารย์ อาโอยามะ โกโช (Aoyama Gosho) ที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 1994 ที่จนถึงตอนนี้ก็ผ่าน
มากว่า 29 ปีแล้ว ที่คิดกันเล่น ๆ ถ้าเด็กเกิดตอนที่ ‘Detective Conan’ ตอนแรกตีพิมพ์ ตอนนี้เขาจะกลาย
เป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว โดยที่มาที่ไปของซีรีส์สืบสวนนี้มาจากความชอบอ่านนิยายนักสืบของอาจารย์แก บวกกับ
กระแสของมังงะ ‘Kindaichi Shonen no Jikenbo’ หรือ “คินดะอิจิ กับคดีฆาตกรรมปริศนา” กำลังโด่งดัง
อาจารย์แกเลยอยากเขียนแนวนี้บ้าง ที่ทำไปทำมาดันมาดังกว่า ที่ถ้าเรานับเฉพาะปีนี้ที่ผ่านมาแค่ครึ่งปี
มังงะ ‘Detective Conan’ ก็มียอดขายไปกว่า 250 ล้านเล่มไปแล้ว เรียกว่าเอาเล่ม 1 มาพิมพ์ขายซ้ำจนมา
ถึงเล่ม 100 กว่า ๆ คนก็ยังซื้อบอกเลย
อีกหนึ่งตำนานมังงะที่หลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี กับการสร้างตำนานบทใหม่ให้กับวงการมังงะทั่วโลก
ที่จะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้นอกจาก ‘Naruto’ หรือชื่อไทยแสนจริงจังว่า “นินจาคาถา โอ้โฮเฮะ” (อ่านเขียน
ชื่อนี้กี่ครั้งก็ไม่ชิน) โดยในช่วงที่มังงะเรื่องนี้ตีพิมพ์ทั่วโลกก็สร้างกระแสต่างก็ตื่น (เห่อ) นินจาขึ้นมา ที่เรื่อง
ราวในนินจาคาถา โอ้โฮเฮะได้ลบภาพจำของคำว่านินจาที่ต้องสวมไอ้โม่งชุดดำแอบไปตามบ้านคนที่เราคุ้น
เคย มาเป็นโลกแฟนตาซีนินจาที่ก็โอ้โฮเฮะจริง ๆ เพราะทุกคน (โดยเฉพาะฝรั่ง) ต่างก็เบียวเป็นนินจาโอ้
โฮเฮะกัน ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนแต่งตัวตามมังงะเรื่องนี้อยู่ กับเรื่องราวของเด็กชาย อุซึมากิ นารูโตะ (Uzumaki
Naruto) ที่มีปีศาจจิ้งจอก 9 หางสิงอยู่ในร่าง กับการเดินทางเพื่อพิสูจน์ตัวเองจนกลายมาเป็นการปกป้อง
โลกนินจาจากภัยร้าย ที่บอกเลยว่าสนุกซึ้งกินใจเฮฮาโอ้โฮเฮะครบทุกรส ใครที่ยังไม่เคยอ่านแนะนำเลย
โดยมังงะเรื่องนี้ตีพิมพ์ 21 กันยายนปี 1999 จบวันที่ 10 พฤศจิกายน 2014 รวมทั้งหมด 700 ตอนกับอีก
72 เล่ม ที่ในปีนี้มังงะก็มียอดขายไปกว่า 250 ล้านเล่ม ที่ 153 ล้านเล่มมาจากในญี่ปุ่น และ 97 ล้านเล่มมา
จากต่างประเทศ และที่เรื่องนี้มาอยู่กันดับที่ 5 ชนะ ‘Detective Conan’ เพราะยอดขายรวมหนังสือนั้นมากกว่า
เรื่องนี้ดีจริงบอกเลย
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงมังงะอนิเมะแล้วไม่มีเรื่องราวของลูกแก้วมังกร ‘Dragon Ball’ มันก็คงจะดูแปลกไปอย่าง
แน่นอน เพราะมังงะเรื่องนี้จัดเป็นอีกหนึ่งตำนานที่เด็กหนวดหัวหงอกไปจนถึงเด็กที่ผมเพิ่งขึ้นต่างก็ชอบซีรีส์
มังงะเรื่องนี้ ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังมีมังงะภาคใหม่ให้เราได้อ่านแค่อาจารย์ไม่ได้เขียนแล้วแกแค่แต่งเรื่อง ซึ่งหลาย
คนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามังงะเรื่องนี้เกิดจากการอยากเอานิทานไซอิ๋วมาล้อเลียน จนบานปลายมาเป็นเรื่องราว
การปกป้องจักรวาลไปได้ไงก็ไม่รู้ โดยผลงานมังงะเรื่องนี้มาจากปลายปากกาของอาจารย์ โทริยามะ อากิระ
(Toriyama Akira) ที่เขียนตั้งแต่ปี 1984 จนถึงปี 1995 รวมทั้งหมด 519 ตอนกับมังงะ 42 เล่ม ที่บอกเล่า
เรื่องราวของเด็กชายมีหาง ซง โกคู (Son Goku) ที่ออกตามหาลูกแก้วมังกรที่ขอพรอะไรก็ได้ (ไม่จริง มีตั้ง
หลายข้อที่เทพเจ้ามังกรให้ไม่ได้) จนกลายเป็นการเดินทางปกป้องโลกและจักรวาล ที่แม้แต่เด็กน้อยไปจนถึง
คนเฒ่าคนแก่ก็ไม่มีใครไม่รู้จัก โงกุน หงอคง โกคู คนนี้ ที่ในปีนี้ก็มียอดขายทั่วโลกไป 260 ล้านเล่ม โดยมี
ยอดขาย 160 ล้านเล่มในญี่ปุ่นและ 90 ล้านเล่มในต่างประเทศ ที่ถ้านับรวม ๆ ซีรีส์นี้ทั้งหมดก็ขายได้กว่าเกิน
45 ล้านเล่มทั่วโลกไปแล้ว ใครที่เคยดูแต่อนิเมะลองไปหาอ่านดูบอกเลยว่าสนุกกว่าดูอนิเมะเยอะมาก ๆ
มาถึงอันดับที่ 3 มังงะที่มียอดขายในปีนี้ ที่เอามาตีพิมพ์ใหม่สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 กับยอดกว่า 300 ล้านเล่ม
กับนักฆ่าหมายเลข 13 อย่าง ‘Golgo 13’ มังงะในตำนานที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่ตุลาคม 1968 มาจนถึงตอนนี้ก็ยังคง
มีตอนใหม่ภาคใหม่อยู่ แต่อาจารย์ผู้เขียนอย่าง ไซโตะ ทาคาโอะ (Saito Takao) เสียชีวิตไปแล้วในปี 2021
ที่ผ่านมา โดยอาจารย์ได้สั่งเสียเอาไว้ว่าอยากให้มังงะเรื่องนี้มีต่อไปแม้ตนเองจะจากไปแล้ว เพราะแกอยากให้
แฟน ๆ ได้อ่านการ์ตูนของแกต่อไป ทางสำนักพิมพ์เลยหาคนมาเขียนและสร้างเรื่องราวต่อมา ที่จนถึงตอนนี้ก็
ปาเข้าไป 195 เล่มไปแล้ว จนได้บันทึกสถิติ ‘Guinness World Records’ ว่าเป็นมังงะที่มีจำนวนเล่มต่อเนื่อง
มากที่สุด กับเรื่องราวของนักฆ่ามืออาชีพที่ชื่อจริงอายุและบ้านเกิดของเขาไม่เป็นที่รู้จัก จะรู้แค่ว่าเขานั้นมี
ฉายาว่า “Golgo 13” ที่เขาสามารถทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ที่แฟน ๆ ทั่วโลกชื่นชอบและเป็นต้น
แบบให้ภาพยนตร์มังงะแนวนักฆ่าเรื่องอื่น ๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมังงะเรื่องนี้ จึงไม่น่าแปลกที่มังงะเรื่องนี้
จะมียอดขายแค่ครึ่งปี 2023 ก็ปาไป 300 ล้านเล่มแล้ว
มาถึงอันดับ 2 ร่วม (แต่นับเป็นที่ 2 เพราะ ‘Golgo 13’ มียอดขายรวมน้อยกว่า) ที่จะเป็นมังงะเรื่องอะไรไม่ได้
นอกจากเจ้าแมวสีฟ้าไร้หูผู้กลัวหนูอย่างเจ้าแมวจอมยุ่ง ‘Doraemon’ มังงะขึ้นหิ้งระดับโคตรตำนานที่บ้านเรา
ต่างรู้จักในชื่อ โดเรม่อน (คนไทยเราชอบเรียกสั้น ๆ และเติมไม้เอกเพื่อให้เรียกง่าย) ที่คงไม่ต้องอธิบายเนื้อ
เรื่องกันก็คงจะทราบกันอยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์แมวที่ชื่อ โดราเอมอน (Doraemon) ที่หลาน
ชายส่งมาจากอนาคตศตวรรษที่ 22 เพื่อฆ่าคุณปู่ทวด โนบิ โนบิตะ (Nobi Nobita) ของตัวเพราะอนาคต
หุ่นยนต์จะครองโลก (สงสัยคนเขียนจะจำผิดเรื่อง) โดยตัวมังงะเกิดจากปลายปากกาของอาจารย์ ฟูจิโกะ เอฟ.
ฟูจิโอะ (Fujiko F. Fujio) ถูกตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1970 จนถึงปี 1996 รวม 45 เล่มที่เป็นเรื่องราวสั้น ๆ ที่เกี่ยวกับ
ของวิเศษจากโลกอนาคตที่สร้างความวุ่นวายจนเด็ก ๆ ชาวเอเชียเราชื่นชอบมาก ๆ แต่ที่ต่างประเทศกลับไม่
ค่อยดัง และล่าสุด ‘Doraemon 0’ หรือ โดราเอมอน เล่ม 0 คือเล่มล่าสุดที่ตีพิมพ์ใหม่ในรอบ 23 ปีที่หลายคน
ควรหามาสะสม ที่จนถึงตอนนี้ซีรีส์แมวสีฟ้าตัวนี้ก็มียอดขายในปีนี้ปีเดียวกว่า 300 ล้านเล่ม บอกเลยว่าเอามา
ขายใหม่กี่ครั้งก็หมดอย่างรวดเร็วเรื่องนี้
คงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาใช้หมองนั่งสมาธิให้เมื่อยขา เพราะอันดับที่ 1 ที่เพียงแค่ครึ่งปีเศษก็ขายไปได้ 510
ล้านเล่มไปแล้ว ที่จะเป็นมังงะอะไรไม่ได้นอกจากซีรีส์โจรสลัดหมวกฟางลงน้ำไม่ได้แต่อยากออกทะเลอย่าง
‘One Piece’ ที่เกิดจากความคิดของอาจารย์ เออิจิโระ โอดะ (Eiichiro Oda) ที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
1997 จนถึงตอนนี้ก็ 26 ปีเข้าไปแล้ว (หลายคนเกิดและโตมาพร้อมกับเรื่องนี้) ที่เราคงไม่ต้องอธิบายอะไรกัน
มาก เพราะว่าคุณจะไม่รู้จักไม่เคยอ่านไม่เคยดูซีรีส์นี้ ก็ต้องเคยเห็นเหล่าตัวละครจากเรื่องนี้มาให้เห็นบ่อย ๆ
ตามสื่อต่าง ๆ ที่เรียกว่าตำนานของตำนานในตำนานของโคตรตำนานในญี่ปุ่นตอนนี้เลยก็ว่าได้ และในปี 2015
‘Guinness World Records’ ได้รับการยอมรับว่าเป็นซีรีส์หนังสือการ์ตูนที่ตีพิมพ์มากที่สุดโดยผู้แต่งคนเดียว
ที่ชนะนายตำรวจป้อมยามไปได้แบบขาดลอย จนตอนนี้ทุกคนต่างเป็นห่วงสุขภาพอาจารย์ว่าอย่าเพิ่งเป็นอะไร
เพราะทุกคนต่างอยากรู้ว่า ‘One Piece’ มันคืออะไรและมันมีจริงไหม ซึ่งตั้งแต่ขึ้นปี 2023 มาจนถึงตอนนี้ซีรีส์
โจรสลัดหมวกฟางก็มียอดขายไปกว่า 510 ล้านเล่มจนไม่อยากจะคิดว่ายอดรวมทั้งหมดตอนนี้ไปอยู่เท่าไหร่แล้ว
ก็จบกันไปแล้วกับ 8 มังงะที่มียอดขายสูงที่สุดในช่วงครึ่งปี 2023 ว่ามีเรื่องใดบ้าง โดยอันดับที่ 9 เป็นของซีรีส์
ที่จบไปแล้วแต่อนิเมะยังฉายอยู่อย่าง ‘Kimetsu no Yaiba’ หรือ “ดาบพิฆาตอสูร” ที่ครึ่งปีนี้ขายไป 150 ล้าน
เล่มที่ก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย อันดับที่ 10 คือซีรีส์ทำอาหารอย่าง ‘Oishinbo’ กับตำนานการโดนตัดจบที่คนญี่ปุ่น
กังขา แต่ก็มียอดขายพิมพ์ซ้ำถึง 135 ล้านเล่ม ที่ถ้าสำนักพิมพ์เห็นยอดนี้คงอยากให้ตีพิมพ์ต่อแน่ ๆ แถมอันดับ
11 อย่าง ‘Bleach’ กับยอด 130 ล้านเล่มที่น่าจะมาจากกระแสอนิเมะที่กำลังดังตอนนี้มาหนุน รวมถึงอัน 12
อย่าง ‘Slam Dunk’ กับยอด 120.29 เล่ม ที่น่าเกาะกระแสฉบับหนังโรงมาช่วยขาย ใครที่ไม่เคยอ่านเรื่องไหน
ซีรีส์ใดแล้วอยากเก็บก็ทำใจหน่อย เพราะพวกพ่อค้าจะซื้อดักกักตุนไว้ขายใครจองทันก็ดีใจด้วย เพราะทุกเรื่อง
ในนี้พอเอามาขายใหม่จะหมดอย่างรวดเร็ว ใครที่สนใจก็รอดักรอสั่งดี ๆ เพราะของดีใคร ๆ ก็อยากได้ส่วนใคร
มีแล้วก็เอามาอวดกันได้ของแบบนี้มีต้องโชว์บอกเลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส
ที่มา https://www.beartai.com/lifestyle/1266231
.................................................